วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


กระดาษสาจากกระดาษเหลือใช้







        กระดาษสาจากวัสดุพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในธรรมชาติ เช่น หญ้าคา สับปะรด หญ้าขน หญ้าปล้องแดง ตระไคร้ ใบของพืชชนิดเหล่านี้ไม่ค่อยมีคนมองเห็นคุณค่า ใบของพืชเหล่านี้สามารถนำมาใช้แทนปอสาที่นำมาทำกระดาษสาได้ จึงนำใบของพืชเหล่านี้มาผสมกับกระดาษที่ไม่ใช้แล้วปั่นจนละเอียดนำไปตากแห้ง จะได้กระดาษสาที่เป็นแผ่นสวยงาม หรือถ้าอยากได้กระดาษสาที่มีสีสันสวยงาม สามารถนำสีผสมอาหารมาเติมได้ 

และได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้            

           “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พากนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงย้ำ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง มีหลักพิจราณาดังนี้   กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในแนวทางที่ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโ,กเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นภัยจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติได้ในทุกระดับโดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
  1.  ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น
  2.  ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารนาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆอย่างรอบคอบ
  3. การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง  การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

        "ความพอเพียง" หมายถึง ความพอประมาณอย่างมีเหตุผล โดยสร้างภูมิ คุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพื่อที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว กว้างขวาง ทั้งทางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และความระมัดระวังในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ วางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นฐานจิตใจของคนใน ชาติทุกระดับ ให้สำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล

          แนวคิด   

  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พัฒนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้พสกนิกรชาวไทยได้เข้าถึงทางสายกลางของชีวิตและเพื่อคงไว้ซึ่งทฤษฏีของการพัฒนาที่ยั่งยืน ทฤษฎีนี้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตซึ่งอยู่ระหว่าง สังคมระดับท้องถิ่นและตลอดระดับสากล จุดเด่นของแนวปรัชญานี้คือ แนวทางที่สมดุล โดยชาติสามารถทันสมัย และก้าวสู่ความเป็นสากลได้ โดยปราศจากการต่อต้านกระแสโลกาภิวัตน์ และการอยู่รวมกันของทุกคนในสังคม                

         หลักปรัชญา
...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ
 ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อ
ได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อย
เสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หาก
มุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประกา
เดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517



ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นที่มาของนิยาม "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยความ "พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน" บนเงื่อนไข "ความรู้" และ "คุณธรรม"
       
            การนำไปใช้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ถูกใช้เป็นกรอบแนวความคิดและทิศทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย ซึ่งบรรจุอยู่ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกัน เพื่อความอยู่ดีมีสุข มุ่งสู่สังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า "สังคมสีเขียว" ด้วยหลักการดังกล่าว แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นี้จะไม่เน้นเรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงให้ความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ หรือระบบเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท


วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาลักษณะและโครงสร้างของกระดาษสา
2.เพื่อนำกระดาษสามาใช้ในชีวิตประจำวัน
3.เพื่อให้รู้วิธีการทำกระดาษสา
4.เพื่อศึกษาวัสดุทดแทนจากธรรมชาติที่นำมาทำกระดาษสาได้

สมมติฐาน
            ถ้านำกระดาษเหลือใช้มาประยุกต์เป็นกระสาดังนั้นจะลดการซื้อกระดาษสา

ตัวแปร
            ตัวแปรต้น                  กระดาษเหลือใช้
            ตัวแปรตาม                ลดการซื้อกระดาษสา
ตัวแปรควบคุม            จำนวนกระดาษ, ส่วนผสมและผู้ทดลอง

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.สามารถนำเอากระดาษสาที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้กับชีวิตประจำวันได้
2.เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และศึกษา


วิธีการดำเนินงาน


1. วัสดุอุปกรณ์

  • หนังสือพิมพ์ หรือ กระดาษที่เหลือใช้      5-6 แผ่น
  • ใบหญ้าคาใบตระไคร้                                
  • มีด                                                                1 ด้าม
  • ตะแกรงแผ่น                                               1 แผ่น
  • น้ำ                                                                2 ถ้วย
  • กะละมัง                                                      1 ใบ
  • เครื่องปั่น                                                    1 เครื่อง





2. วิธีการทดลอง
  1. แช่กระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ในน้ำ 25 – 30 นาที
  2. หั่นใบต่างๆ(ที่เตรียมไว้)เป็นชิ้นเล็กๆ
  3. เอาใบที่หั่นแล้วไปเข้าเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ระเอียด
  4.  เอาใบที่ปั่นแล้วไปผสมกับกระดาษให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  5. แล้วนำใบที่ผสมกับกระดาษแล้วมาปั่นให้ระเอียด
  6. นำใบกับกระดาษที่ผสมแล้วมาตากแห้ง โดยทำเป็นแผ่นบางๆไว้บนตะแกรง
  7. พอแห้งแล้วก็จะแผ่นกระดาษสาจากวัสดุทดแทนจากธรรมชาติ
(เราสามาเติมสีผสมอาหารเข้าไปในขั้นตอนที่ 5 ได้ เพื่อความสวยงาม)


ผลดำเนินงาน
ตารางผลการทดลอง
ปริมาณสาต่อกระดาษ 1 แผ่น
ระยะเวลาที่ใช้ในการตากแห้ง(นาที)
25 นาที
45 นาที
1 ชั่วโมง
1 ชั่วโมง 25 นาที
1 ชั่วโมง 45 นาที
2 ชั่วโมง
3 ขีด
ยังไม่แห้ง
เริ่มหมาด
เริ่มแห้ง
แห้ง
-
-
4 ขีด
ยังไม่แห้ง
ยังไม่แห้ง
เริ่มหมาด
เริ่มแห้ง
แห้ง
-
5 ขีด
เปียก
ยังไม่แห้ง
เริ่มหมาด
เริ่มหมาด
เริ่มแห้ง
แห้ง

ชนิดของพืช
ระยะเวลาในการตากแดด
ลักษณะกระดาษที่ได้
หมายเหตุ
ใบหญ้าคา

2 ชั่วโมง
กระดาษจะมีผิวหยาบ รู้สึกได้เมื่อสัมผัส มีกลิ่นเหม็นเขียวของใบหญ้าคา

ใบตะไคร้



2 ชั่วโมง
กระดาษผิจะหยาบมาก เมื่อดมจะมีกลิ่นตะไคร้ผสมกับกระดาษ





สรุปและอภิปรายผลการศึกษา
จากการทำโครงงานสรุปได้ว่า เราสามารถนำกระดาษที่เหลือใช้มาทำสาที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง เพราะเนื่องจากในชีวิตประจำวันของเราต้องใช้กระดาษในการห่อของ ขวัญหรือนำมาทำเป็นหน้าปกห่อหนังสือต่างๆเพื่อความสวยงาม อีกทั้งในปัจจุบันกระดาษสามีราคาแพงมากขึ้น ดังนั้นการทำกระดาษสาจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถหาได้ตามทั่วไปในพื้นที่เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุนต่างๆได้

ปัญหาและอุปสรรคที่พบ

  1. กระดาษที่ตากแล้วบางเกินไป
  2. อุปกรณ์ไม่คบ
แนวทางในการแก้ไข

  1. เพิ่มปริมาณกระดาษมากขึ้น
  2. จัดหาและเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ให้พร้อม

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา
      - ควรทำกระดาษสาหลายรูปแบบ



ประโยชน์ที่ได้รับในโครงงาน

  1. ได้รู้คุณค่าของกระดาษว่าเป็นสิ่งมีค่า
  2. นำไปเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจในการทำกระดาษสาที่ใช้จากกระดาษเหลือใช้








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น